/

Travel : Welcome to The Flower Wonderland…

ช่วงปลายปีแบบนี้อากาศเชียงใหม่เริ่มเย็นลงมาบ้าง อาจจะยังไม่ถึงขั้นหนาวจนต้องใส่เสื้อกันหนาว แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ใกล้ฤดูท่องเที่ยวแบบนี้ ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเริ่มเปิดตัวตามกระแสทุ่งดอกไม้

ทุ่งที่จะพาไปเที่ยวครั้งนี้ชื่อ We flower village อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักครับ ขับรถไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็มาถึงแล้วครับ  วิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดคือเปิดแอป Google Map แล้ว Search ชื่อสถานที่ว่า We Flower Village ก็จะขึ้นตำแหน่งที่ถูกต้องทันที  กดให้มันนำทางมาได้เลยครับ

ช่วงที่ผมไปในสวนปลูกดอกมากาเร็ตสีม่วงขาว สวยดี มันดูมีเฉดสีไล่โทนกันสวยงามดีครับ โดยป้านกเอี้ยงเจ้าของสวนแจ้งว่าทางสวนตรงจุดนี้จะไม่มีการตัดดอกไม้สำหรับขาย ปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายภาพกันเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าเข้ามาแล้วเจอแปลงว่างเปล่า เพราะจะปลูกหมุนเวียนกันไปตลอด มีถ่ายยาวไปถึงมีนาคมนู้นเลยครับ ใครมาเที่ยวเชียงใหม่ช่วงนี้ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวกันครับ  ช่วงเวลาที่แนะนำคือระหว่างบ่ายสามโมงเย็น จนถึงพระอาทิตย์ตกดินครับ เพราะแสงจะนุ่มสวย ถ่ายง่าย ภาพละมุนกว่ามาช่วงแสงแข็งๆ เยอะเลยครับ

*** ที่สำคัญสวนนี้ไม่ต้องจองล่วงหน้า อยากมาก็ขับรถมาได้เลย ***



ค่าบริการ : มีค่าชมสวน 50 บาทต่อคน ใครอยากได้ดอกไม้เป็นพร็อปถ่ายรูป มีขายกำละ 30 บาทครับ อย่าไปหักดอกไม้ในสวนเขาเอามาถ่ายเองนะครับ เดี๋ยวโดนปรับ

ลักษณะสวน : เป็นสวนดอกไม้ที่ปลูกแบบหมุนเวียน ดังนั้นจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เป็นไร่ๆ แบบที่ญี่ปุ่น ดังนั้นน่าจะเหมาะกับช่างภาพพานางแบบ หรือคนในครอบครัวไปถ่ายรูปมากกว่าคนทั่วไปที่ใช้แค่กล้องมือถือถ่าย เพราะจะให้สวยต้องใช้เลนส์และมุมกล้องช่วยครับ

สวนจะปลูกเป็นแปลงๆ ระหว่างร่องแปลงอาจจะแฉะหน่อยถ้ามีการรดน้ำ ทางสวนมีรองเท้าบูทให้ยืม แต่ส่วนใหญ่จะไม่พอ บางจุดดินแข็งๆ ก็พอเดินได้ครับ แต่หากจำเป็นต้องเหยียบแปลง ก็อย่าไปทำให้ต้นไม้เสียหายนะครับ มันมีช่องว่างระหว่างแปลง ระหว่างต้นให้เราพอเดินได้ ก็เดินระวังๆ ครับ ใจเขาใจเราเนอะ
 
 
Location : สวนนี้เป็นสวนดอกมากาเร็ตที่เชียงใหม่ เหมาะสำหรับคนที่มีรถส่วนตัว หรือเช่ารถขับได้ ขับออกจากโซนตัวเมืองเชียงใหม่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงครับ อยู่เขตติดต่อระหว่างอำเภอสันทรายกับแม่ริม
 
 
การเดินทาง : เปิดแอป Google Map แล้ว Search หา “We Flower Village” จากในแอป Google Map เลยครับ ชัดเจนและง่ายที่สุดแล้ว ย้ำว่าอย่าไปกดดู Map จากในเพจนะครับ แอดมินเพจเขาปักหมุดผิดตำแหน่ง และยังไม่แก้ไข ไม่งั้นจะหลงไปโผล่ที่อื่นแบบผม
 

ข้อควรระวังในการเดินทาง : ถนนเป็นถนนแคบๆ ขับขี่ด้วยความระมัดระวังครับ ไม่ควรจอดรถตรงไหล่ทางเพราะแคบมาก เดี๋ยวรถจะสวนกันไม่ได้ครับ หากบริเวณสวนและใกล้เคียงไม่มีที่จอดรถ ก็ขับตรงไปเรื่อยๆ จะเจอลานจอดรถชุมชนอยู่ มีรถบริการรับส่งครับ หรือโทรหาเจ้าของสวนให้จัดคนมารับได้ครับ เราสามารถจอดแวะหน้าสวนให้สมาชิกคนอื่นลงก่อนได้ครับ แล้วค่อยหารถมารับเอา
 
ข้อแนะนำทั่วไป : ดอกไม้น่าจะปลูกหมุนเวียนเรื่อยๆ ครับ ดูแล้วมีหลายแปลงอยู่ น่าจะมีให้ถ่ายได้เรื่อยๆ แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้มาวันธรรมดาน่าจะคนน้อยกว่าวันหยุด
 
สวนนี้เหมาะกับแสงเย็น ควรมาถึงสวนหลังบ่ายสามโมงไป แสงกำลังนุ่มสวยครับ ช่วงเลนส์ที่เหมาะสม หากคนเยอะเตรียมเทเลไว้เจาะสักหน่อยก็ดีครับ แนะนำ 85 135 น่าจะช่วยได้เยอะ เพราะสถานที่ก็ไม่ได้ใหญ่เหมือนสวนดอกไม้ของญี่ปุ่นที่เขาปลูกพร้อมกันหลายๆ ไร่อะไรแบบนั้นนะครับ เขาปลูกเป็นแปลงหมุนเวียน ดังนั้นจะไม่ได้เยอะอย่างที่หลายคนคาดคิด
 
โซนนี้เป็นโซนปลูกดอกไม้ของเชียงใหม่อยู่แล้ว ดังนั้นจะมีหลายสวนให้เข้าชมครับ ส่วนใหญ่เก็บค่าเข้าชม 50 บาทเหมือนกันหมด ทั้งๆ ที่บางสวนขนาดเล็กมากก็เก็บเท่ากัน และก็ไม่ใช่ทุกสวนที่จะถ่ายออกมาแล้วสวย เพราะเจตนาดั้งเดิมคือปลูกดอกไม้ส่งขาย ดังนั้นเขาก็ไม่ได้สนว่าจะมีฉากหลังเป็นยังไง ก็ปลูกกันไปตามวิถีชาวบ้านครับ
 
ดังนั้นสำหรับผมหากไม่นับสวนดังที่คิวเต็มยาวไปแล้ว สวนนี้สวยสุดละครับ โดยเฉพาะช่วงแสงเย็น ได้แบ็คกราวเป็นภูเขาพร้อมวิวพระอาทิตย์ตกดินให้ถ่ายกันเพลินๆ ครับ
 
 
อุปกรณ์ถ่ายภาพ : Sony A7R3 + Sony FE 35 F1.8 + Sigma 85 F1.4 Art + Canon EF 135 F2L + Flash Godox V1

 

ใครอยากดูแบบเวอร์ชั่นรูปใหญ่ๆ เต็มจอ ดูง่ายๆ กดจาก Link ด้านล่างได้เลยครับ

>>> High Resolution Photos <<<

Previous Story

Autumn in Tokyo 2017 : Day 3 – Kawaguchiko

Next Story

EP 0 – Why camping?