/

Autumn in Tokyo 2017 : Day 2 – Mt.Takao

หลังจากเที่ยวที่ Mt.Mitake เสร็จ เราก็นั่งรถไฟย้อนกลับมาเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไป Mt.Takao กันต่อครับ แต่รอบนี้การเดินทางจะซับซ้อนหน่อย เพราะต้องต่อรถไฟมากถึง 4 ต่อด้วยกันครับ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 88 นาที ก็จะมาถึงสถานีปลายทางคือสถานี TAKAOSANGUCHI ครับ ที่มันซับซ้อนก็เพราะเราไปแบบที่ไม่ค่อยมีใครไปกันนั่นเอง แต่ถ้าอยากให้วันเดียวไปได้สองที่ก็ต้องยอมขึ้นรถไฟหลายต่อกันหน่อย ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไรนะครับ อาศัย Google Map กับ Hyperdia ช่วยยังไงก็ไม่หลงครับ ถ้าไม่ชัวร์ก็ถามเจ้าหน้าที่สถานี ชี้สถานีที่เราต้องการจะลง เขาจะชี้หรือไม่ก็พาเราไปที่ชานชาลาเองเลย

ส่วนที่ใครที่มาจากโตเกียวสามารถซื้อตั๋วเหมารวมค่ารถไฟไปกลับ และค่าขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปกลับแล้ว ในราคา 1380 เยน  รายละเอียดเรื่องซื้อที่ไหน และ Mt.Takao มีที่เที่ยวอะไรยังไงตรงไหนบ้าง ก็ตาม Link ด้านล่างไปอีกเช่นเคยครับ ละเอียดมาก

Link : https://matcha-jp.com/th/greatertokyo/5178

 

 

มาถึงก็เกือบบ่ายโมงครับ ตอนแรกว่าจะหาร้านอาหารแถวๆ นี้ทาน แต่คนเยอะมากๆ ร้านที่คนน้อยก็ดูไม่น่าเสี่ยง สรุปก็เข้าร้านสะดวกซื้อ จัดข้าวกล่องกันอีกรอบ ลิ้นจระเข้อย่างพวกเรา แค่นี้ก็อร่อยแล้ว ไว้ตอนเย็นค่อยไปจัดบุฟเฟ่ชาบูให้หายหนาว เวลามีน้อยต้องรีบกินรีบเที่ยว มื้อหนักๆ ลงเขาค่อยจัดในเมืองกันให้เปรมละกันเนอะ

 

ขนมน่าอร่อย แต่กินแล้วไม่อร่อย แข็งๆ ไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไหร่  อันเดียวพอ  แต่เกาลัดรูปด้านล่างอร่อยมาก กลับลงมาต้องแวะซื้ออีกรอบ

 

มุมนั่งทานข้าวชิลๆ ครับ อาหารกล่องธรรมดา แต่วิวไม่ธรรมดา กินๆ อยู่แสงมาก็รีบวิ่งไปถ่ายรูป  อยากให้แสงมาแบบนี้ทั้งวันจัง ภาพจะได้สวยๆ แบบนี้เยอะๆ ทานข้าวเสร็จก็เดินต่อไปยัง Mt.Takao Cable Car Station กันต่อ ถึงเวลาขึ้นเขาแล้ว

 

อาคารในรูปด้านล่างก็คือ Mt.Takao Cable Car Station ครับ  มีให้เลือกสองแบบคือนั่งเป็นรถเคเบิ้ลคาร์  กับลิฟท์เก้าอี้ อันนี้จะเสียวๆ หน่อยตั้งแต่วิธีขึ้นเลยเพราะมันไม่ได้จอดนิ่งๆ ให้เราขึ้นไปนั่งดีๆ เราต้องยืนรอเก้าอี้หมุนมาหาแล้วยกตูดนั่งเอาเอง ก็ตื่นเต้นสนุกๆ ดีเหมือนกัน จะขึ้นแบบไหนก็ได้ ขาไปจะขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ขากลับจะขึ้นลิฟท์เก้าอี้ก็ได้ ตั๋วแบบไปกลับราคาเท่ากันคือ 930 เยน

 

ขาไปเราเลือกนั่งลิฟท์เก้าอี้ครับ ก็จะประมาณนี้  คิวน้อยกว่า ก็ได้ขึ้นไปบนเขาเร็วกว่า

 

มาถึงยอดบนสุดก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดชมวิวเมืองโตเกียวครับ ทะเลตึกกันเลยทีเดียว แถวๆ นี้ก็จะมีดังโงะเจ้าดังขาย แต่ผมเคยทานจากที่อื่นแล้วรู้สึกไม่ถูกปากเท่าไหร่ ก็เลยไม่ค่อยอยากกิน

 

เป้าหมายต่อไปก็คือเดินทางไปศาลเจ้าด้านบนครับ คนเยอะมากๆ ช่วงนี้  อากาศก็หนาวๆ เอาเรื่องเหมือนกัน

 

ต้นสนยักษ์ครับ อายุกว่า 500 ปี ป้าเจี๊ยบที่ว่าตัวใหญ่พุงใหญ่ เมื่อเทียบกับลำต้นสนแล้ว ก็ดูเล็กไปถนัดตา

 

เดินแค่พอหอบก็มาถึง วัด Yakuo-in temple ครับ มีชื่อเต็มว่า Takao-san Yakuo-in Yuki-ji เป็นวัดโบราณนานนับ 1200 ปี สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าเทนงูที่เชื่อว่าดูแลคุ้มครองภูเขาแห่งนี้อยู่

เทพเจ้าเทนงูก็คือ เทพเจ้าแห่งภูเขาที่มีจมูกยาว ถือพัดขนนกในมือมีไว้เพื่อปัดโชคร้ายออกไปให้เหลือไว้แต่โชคดี และมีปีกคล้ายนกสวมชุดญี่ปุ่น ดูโดยรวมจะเหมือนมีลักษณะคล้ายครึ่งคนครึ่งนกนั่นเอง หน้าที่ของเทนงูก็คือเป็นทูตของเทพ

บรรยากาศภายในวัดก็จะคึกคักมากครับ ช่วงพีคๆ แบบนี้คนมาเที่ยวกันมากมายมหาศาล ก็ต้องทำใจที่สวยๆ ใครๆ ก็อยากมา ด้านหน้าทางเข้าวัดก็มีร้านขายอาหาร ของกิน ของที่ระลึกเพียบเลย ใครเหนื่อย ใครหิวก็แวะชิลที่นี่ไปก่อน

 

จากนั้นเดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นวิหารของเทพเจ้าเทนงุในตำนาน  ก็มีคนมาสักการะกันเยอะมาก

 

เดินเล่นเรียบร้อยก็ลงดีกว่า จริงๆ มีทางเดินขึ้นไปจุดชมวิวด้านบนเขาอีก แต่คิดว่าพอแค่นี้จะดีกว่า อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดินลงกันเถอะ ตอนเดินลงใช้คนละเส้นทางกับตอนเดินขึ้น ก็จะเจอวิวอีกแบบหนึ่ง แต่โซนนี้ใบไม้เพิ่มเริ่มเปลี่ยนสีเลยยังไม่เหลืองๆ แดงๆ มากนัก

 

เที่ยวครบจบโปรแกรม ปิดท้ายที่ขนมเทนงุเจ้าดังของ Mt.Takao ต่อคิวยาวมาก แต่นางไม่ท้อ เพื่อของกินยอมได้ทุกอย่าง

 

รูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้แหละครับ ด้านในเป็นใส้ถั่วแดง กินร้อนๆ ก็อร่อยดี  ควรแวะกินครับ

 

ขากลับตอนแรกว่าจะนั่งเคเบิ้ลคาร์ แต่คิวยาวมากกกกกกกก  ถ้ารอคงเป็นชั่วโมงแน่ๆ แถวขดยังกับคิวจับมือ BNK48 ก็เลยไปขึ้นลิฟท์เก้าอี้เหมือนเดิมดีกว่า แม้จะเสียดายที่อดถ่ายรูปหลายๆ มุมที่เห็นคนอื่นถ่ายตอนนั่งเคเบิ้ลคาร์ก็ตามที แต่ทำไงได้ให้ยืนรอก็ไม่ไหว ไปดีกว่า ก็จบทริป Mt.Takao แต่เพียงเท่านี้ครับ ส่วนตัวชอบที่นี่นะบรรยากาศสวย แม้ช่วงที่ไปจะคนเยอะแบบมหาศาลมากก็ตามที รู้สึกตัดสินใจผิดที่มาวันนี้ในวันที่ไม่มีแสงแดด  ก็ได้แต่แนะนำคนอื่นๆ ละกันครับ ใครจะมาสองที่คือ Mt.Mitake & Mt.Takao จัดวันที่แดดจ้าฟ้าใสจะได้รูปสวยกว่านี้แน่นอนครับ

ป่ะ… ลงดอยกันเถอะ คู่หน้านี่ก็นั่งหวานกันจริงๆ

 

จากนั้นก็เดินกลับมาที่สถานี TAKAOSANGUCHI เพื่อขึ้นรถไฟกลับชินจุกุ สถานีรถไฟ TAKAOSANGUCHI นี่สวยมากนะครับ กรุไม้ทั้งสถานี ออกแบบดี จัดไฟสวย ห้องน้ำงดงาม เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่สวยมากแห่งหนึ่งเท่าที่เห็นมาในญี่ปุ่นเลยสำหรับผม

 

ขึ้นรถไฟกลับกันเถอะ ก็ตามตารางนี้เลยครับ อย่างที่บอกครับช่วงฤดูใบไม้ผลิสี่ห้าโมงก็เริ่มมืดแล้ว รีบเข้าเมืองดีกว่าท้องเริ่มบ่นแล้ว เดี๋ยวเข้าเมืองไปกินบุฟเฟ่ชาบูกันดีกว่า ร้านที่เลือกไว้ก็อยู่แถวๆ สถานีชินจุกุนี่แหละครับครับ  กินเสร็จก็ช็อปต่อ วันนี้ต้องหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม พรุ่งนี้เราจะไป Kawaguchigo กัน  หวังว่าจะแดดจ้าฟ้าใสเหมือนที่แอฟพยากรณ์อากาศกล่าวไว้

 

ไปถึงสถานีชินจุกุก็โหยหาของกินเลย จากข้อมูลที่หามาก็มาลงตัวที่ร้านที่ชื่อว่า Tonvege การเดินทางไปร้านนี้ก็เริ่มจากสถานีชินจุกุ เดินออกทาง Central East Exit หรือ East exit มองหาป้ายห้าง LUMINE EST ให้เจอ เจอแล้วก็เดินเข้าห้างไป แล้วมองหาลิฟท์ หาไม่เจอถามพนักงานได้เลยครับ ร้านอยู่ชั้น 7 ครับผม เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูราคาน่ารัก และแน่นอนว่ามากินกับป้าเจี๊ยบก็ต้องกินหมูล้วนๆ เพราะเนื้อมันจะแพงนั่นเอง สั่งเซ็ตราคา 2,200 เยนต่อคน รสชาติอร่อยเลย ไม่แพงด้วย และด้วยความหิวบวกกลิ่นหอมของชาบูทำให้กินเพลินจนลืมถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น ใครสนใจตามรอยร้านนี้ อ่านรีวิวละเอียดๆ จาก Link ด้านล่างได้เลยจ้า คอนเฟิมว่าอร่อยไม่ผิดหวังแน่นอน

Link : https://japantourlist.com/th/tonvege-at-lumine-east

 

 

ทานอิ่มแล้ว เรี่ยวแรงที่สูญหายไปในวันนี้ก็กลับคืน โปรแกรมต่อไปก็คือช็อปปิ้งนั่นเอง อยู่ย่านชินจุกุอยากได้อะไร อยากซื้ออะไรมีให้เลือกทุกสิ่งอย่าง ช็อปกันเพลินมาก ได้เสื้อมาเพียบโดยเฉพาะเสื้อยูนิโคล Heatech จัดแบบ Ultra Warm มาเลยสองชุดทั้งเสื้อทั้งกางเกง พร้อมถุงมือ, ถุงเท้า และหมวกไหมพรมกันหนาว พร้อมเสื้อแจ๊คเก็ตกันหนาวสุดหล่ออีกตัว เตรียมตัวรับมืออากาศหนาวๆ ของ Kawaguchigo กันเต็มที่

ก่อนกลับห้องก็เดินไปสำรวจสถานีรถบัสที่เราจะขึ้นพรุ่งนี้เช้าสักหน่อย จะได้ไม่หลงจนตกรถ ซึ่งก็ไม่ยากนะ เดินไปแป๊ปๆ ก็เจอตึกตามใน Link ที่ดูมา เรียบร้อยแล้วก็กลับห้องพักผ่อน ท้องอิ่มแล้วก็ต้องแช่น้ำร้อนตบเบียร์เย็นๆ ก่อนเข้านอนสินะ

ภาพด้านล่างคือบรรยากาศแถวๆ สถานี Okubo ครับ คึกคักมาก ร้านรวงเต็มไปหมด วันนี้แค่นี้ก่อน พรุ่งนี้เจอกันยาวๆ ที่ Kawaguchigo วันแดดจ้าฟ้าใสสมใจนึก

Previous Story

Autumn in Tokyo 2017 : Day 2 – Mt.Mitake

Next Story

Autumn in Tokyo 2017 : Day 3 – Kawaguchiko