@… แก้มป่องท่องเที่ยว …@
… วันสบายๆ ณ โครงการหลวงตีนตก …
ที่ตั้งโครงการ : ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
การเดินทาง :
ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ 55 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ใช้เส้นทาง เชียงใหม่-สันกำแพง-แม่ออน ผ่านน้ำพุร้อนสันกำแพงไปทางบ้านแม่กำปอง ศูนย์ตีนตกจะอยู่ทางขวามือก่อนถึงบ้านแม่กำปอง สภาพเส้นทางเป็นถนนลาดยางตลอดสายจนถึงที่ทำการศูนย์
ที่พัก และร้านอาหาร :
จุดที่พักจะอยู่ทางขวามือ สังเกตจากรูปด้านล่างครับ ถึงแล้วจอดรถ แล้วแวะติดต่อขอข้อมูลได้เลย มีร้านอาหาร ห้องน้ำ และจุดให้นั่งพักผ่อน พักเหนื่อยกันได้แบบชิลๆ เลยครับ อากาศเย็นสบายทั้งปี นอนที่นี่แล้วไปเที่ยวที่เที่ยวสุดฮิปอย่างแม่กำปองต่อก็ได้ ห่างกันแค่ขับรถสิบนาทีครับผม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการหลวงตีนตก :
http://royalprojectthailand.com/teentok
ข้อมูลที่พักโครงการหลวงตีนตก : คลิ๊กที่ Link ได้เลยจ้า
http://www.thairoyalprojecttour.com/?p=3531
ข้อมูลคร่าวๆ ด้านบนน่าจะช่วยให้พอเห็นภาพเกี่ยวกับโครงการหลวงตีนตกไปได้บ้างแล้วเนอะ
ป่ะ… ตามป้าเจี๊ยบแก้มป่องมาเที่ยวกันได้แล้วจ้า !!!
============================================
“หยุดแค่หนึ่งวัน ไปไหนกันดี”
นั่นคือโจทย์ที่ผมได้รับ เพราะจะให้ไปเที่ยวไกลๆ ก็เสียเวลาเดินทาง อยากไปแบบขับรถไม่ไกลนัก แล้วในที่สุดคำตอบก็มาจบลงที่นี่ … “โครงการหลวงตีนตก” …
แม้ชื่ออาจจะไม่ไพเราะเสนาะหู แต่ด้วยการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่แค่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง อีกทั้งในส่วนของบ้านพัก ก็พึ่งเปิดให้บริการในปีที่ผ่านมานี่เอง ดูจากรูปภาพที่คนอื่นๆ ไปมา ผมว่าก็สวยดี แล้วก็ดูน่าพักผ่อนแบบไม่ต้องขับรถไกล อีกทั้งที่แม่ออนเป็นพื้นที่สูงติดภูเขาทำให้อากาศชื้น เย็นสบายตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงต้นหน้าฝนแบบนี้อากาศคงกำลังเย็นสบายๆ เลยล่ะ ว่าแล้วก็รอช้าอยู่ใย โทรไปสอบถามข้อมูลที่พักก่อนเลย
หลังจากอ่านข้อมูลจาก Link เกี่ยวกับข้อมูลที่พักด้านบนแล้วก็โทรไปเช็คที่เบอร์ 093-146-7726 ได้ ความว่าบ้านสำหรับพักแบบสองคนเรียกว่าบ้านธารริน มีอยู่ถึง 14 ห้อง ช่วงนี้เป็นช่วง Low Season ค่าห้องลดเหลือห้องละ 1500 บาท รวมอาหารเช้าซึ่งก็ถือว่าราคาอยู่ในเกณฑ์รับได้ เมื่อดูจากภาพของห้องที่เห็นจากรีวิวคนอื่นๆ
แต่ถ้าเป็นช่วงตุลาคม – เมษายน ค่าห้องจะปรับขึ้นเป็น 2,600 บาท ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ราวๆ 1 ชั่วโมง ขับแบบสบายๆ ใครอยากจะนั่งดริงค์ก็ควรซื้อของเตรียมมาให้พร้อมครับ ถ้าเป็นไปได้ก็ซื้อหาเครื่องดื่ม และของกินเล่นติดมาด้วยเลยเพราะบนนี้ร้านค้าไม่ค่อยมีครับ เป็นร้านขายของชำชาวบ้านเล็กๆ สักราวๆ ทุ่มสองทุ่มก็ปิดร้านหมดแล้ว ยาสีฟัน แปรงฟันเตรียมมาให้พร้อม 7-11 สาขาสุดท้ายจะอยู่ที่แยกน้ำพุร้อนสันกำแพงครับ ฝั่งขวามือ ก่อนถึงทางเลี้ยวซ้ายไปบ่อน้ำพุร้อนสันกำแพง จัดการตุนของให้พร้อมซะ
ขับรถผ่านแยกน้ำพุร้อนมา ก็จะมีป้ายบอกทางมาเรื่อยๆ ครับ ขับไปเรื่อยๆ ชิลๆ สักพักก็ถึงแล้วครับ ที่พักอยู่ทางขวามือ เห็นอาคารที่แปะไว้ด้านบนก็เลี้ยวจอดได้เลย ติดต่อบ้านพักตรงด้านหน้านี้เลย จอดรถตามรถที่เขาจอดในภาพเลย จะได้เดินไม่ไกลนัก
ติดต่อชำระค่าที่พัก 1,500 บาทเรียบร้อยก็จะได้กุญแจห้อง พร้อมกับคูปองอาหารเช้าครับ อาหารเช้าเปิดบริการตั้งแต่ 7:00 – 9:00 น. ครับ มาไม่ทันอดกินฟรีนะครับ อย่านอนเพลินล่ะ ส่วนอาหารเย็น แนะนำว่าควรทานที่ห้องอาหารของโครงการนี่แหละครับ โซนห้องอาหารวิวดีเอาเรื่องอยู่ครับ หรือไม่ก็คงต้องไปหาทานแถวแม่กำปองครับ ขับรถไปจากตัวโครงการอีกประมาณ 10 – 15 นาที
เดินลงจากโซนด้านหน้าเราก็จะได้พบกับสภาพ บ้านพักที่ถูกออกแบบและวางภูมิทัศน์เอาไว้อย่างดี เดินข้ามสะพานมาเห็นน้ำใส เสียงน้ำไหลนี่ฟังแล้วมันพาให้ผ่อนคลายดีจริงๆ เลยครับ แต่อย่าพึ่งชมนกชมไม้เลย เข้าห้องพักก่อนดีกว่า ชักอยากเห็นแล้วว่าในห้องพักจะเป็นยังไง
เดินข้ามสะพานไป จะเป็นส่วนของบ้านพักธารรินครับ มีอยู่ทั้งหมด 7 หลัง หนึ่งหลังมี 2 ห้อง อารมณ์บ้านแฝดครับ ผมพักบ้านธารริน 4 ตอนแรกก็เดินงงๆ เหมือนกัน เพราะไม่เห็นป้ายชื่อห้องพัก เนื่องจากเขาติดป้ายชื่อไว้ที่ประตูทางเข้าห้องทำให้ ตอนแรกถ้าไม่ฟังที่เจ้าหน้าที่อธิบายทางดีๆ ก็เดินงงๆ ได้เหมือนกัน จริงๆ น่าจะติดป้ายชื่อไว้ด้านที่เห็นชัดกว่านี้เพิ่มอีกนะ
เดินข้ามสะพานมา บ้านหลังแรกในภาพนี่แหละครับ บ้านธารรินห้องที่ 3-4 ของผมติดสะพานเลย วิวดี บรรยากาศแหล่มมาก ขนาดว่ามาถึงช่วงบ่ายๆ อากาศยังกำลังเย็นสบายๆ เลย ทั้งที่ตัวเมืองเชียงใหม่นี่ยังรู้สึกร้อนอยู่เลย การอยู่ติดเขานี่มันทำให้อากาศดีจริงๆ ความชื้นก็กำลังดี หายใจแล้วสดชื่นปอดมากๆ
ลำธารจะอยู่ไม่ไกลจากห้องพักครับ แถวนี้ลำธารมีหินอยู่ตามธรรมชาติเลย แต่ก็มีบางช่วงที่มีการเรียงหินกั้นระดับน้ำไว้ เพื่อให้มีเสียงน้ำไหลดังอยู่ตลอดเวลา ถือว่าออกแบบลำธารให้ทำงานได้ดี ฮ่าๆๆ
ด้านนอกห้องจะมีระเบียงเล็กๆ เอาไว้ให้ออกมานั่งชิลได้ด้วย น่าจะเหมาะกับออกมานั่งจิบอะไรเย็นๆ ยามค่ำคืนมากกว่า แต่ไม่รู้ว่ายุงจะเยอะมั้ย เดี๋ยวคืนนี้มารายงานผลให้ฟังครับ เพราะคุณนายจุ๊บเจี๊ยบ เตรียมไวน์มาด้วยแล้ว
บ้านทำด้วยไม้ทั้งหลังครับ เดินผ่านยังได้กลิ่นของไม้ชัดเจนเลย ปลุกไม้ใบสีสันสวยดี แต่คิดว่าช่วงหน้าหนาวที่เป็นฤดูท่องเที่ยว อาจจะมีการวางไม้ดอกช่วยด้วยไม่ให้เรียบเกินไป
มาถึงห้องแล้วก็ต้องร้อง Wowwwww ห้องออกแบบสวยดีครับ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป เรียกว่าพอดีๆ ใช้พื้นที่ได้เหมาะสมเลยสำหรับการเข้าพักไม่เกินสองคน เตียงยังใหม่มากๆ ไม่มีกลิ่นอับชื้น ไม่มีมอด ริ้น ให้กังวลใจเหมือนเวลาไปนอนในโครงการหลวงอื่นๆ แต่ที่นี่ไม่มีแอร์นะครับ มีแต่พัดลม กับสายลมธรรมชาติ ประหนึ่งจะการันตีว่าที่นี่อากาศดีตลอดปี ไม่จำเป็นต้องพึ่งแอร์ ก็นอนหลับฝันดีได้แน่นอน
จุดเด่นน่าจะอยู่ที่โซน Bay Window ที่ทำเป็นหน้าต่างยื่นออกไป แล้วออกแบบให้เป็นเก้าอี้ยาว จัดหมอนให้นอนพิงอิงหนุนกันเต็มที่ เปิดหน้าต่างไว้ก็มีเสียงลำธารดังเข้ามาในห้องชัดเจนช่วยเพิ่มบรรยากาศในวัน พักผ่อนได้ดีสุด มีไฟอ่านหนังสือติดไว้ให้ด้วย
ภายในห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกตามสมควร ครับ ทีวีจอแบน พร้อมกล่องจานดาวเทียม GMM เครื่องทำน้ำร้อนสำหรับทำกาแฟ หรือกระทั่งมาม่าประทังหิวยามค่ำคืนก็ได้เช่นกัน
ภายในห้องมีการออกแบบตบแต่งไว้อย่างดีเลย ครับ ทุกรายละเอียดดูมีการใส่ใจมากกว่าบ้านพักอุทยานทั่วไป ดูการออกแบบตบบแต่งตรงกรอบกระจกสิครับ ใช้วัสดุไม้เล็กๆ มาเรียงเป็นกรอบไม้พอเจอแสงอุ่นๆ แบบ Warm Light ก็สวยขึ้นมาทันตา ออกแบบดีจริงๆ
ในห้องมีตู้เย็นขนาดเล็กให้ด้วยครับ สำหรับใช้แช่เครื่องดื่มที่ซื้อเตรียมมาจากด้านล่างตามที่เตือนไว้ ด้านบนตู้เย็นออกแบบให้เป็นที่เก็บเสื้อผ้า แขวนเสื้อผ้า มีไม้แขวนเสื้อผ้าเตรียมไว้ให้เรียบร้อยสี่ห้าอัน
เดินเข้าไปดูห้องน้ำบ้าง ก็ถือว่าสะอาดน่าใช้ดีครับ ทุกอย่างยังใหม่ ไม่มีอะไรดูสกปรกแต่อย่างใด
ในโซนอาบน้ำ ออกแบบแยกส่วนเปียกแห้งชัดเจน แต่ห้องที่ผมพัก มีปัญหาคือน้ำซึมผ่านกรอบกระจกมาได้ คาดว่าจะซึมจากบางจุดที่ซิลิโคนหมดสภาพ หรืออัดไม่แน่นพอ ทำให้น้ำไหลออกมาจากส่วนเปียก ก็ถือว่าเป็นจุดที่ต้องแก้ไข และบำรุงรักษาในระยะยาวต่อไปครับ เพราะคงมีปัญหานี้เรื่อยๆ แน่ๆ
ตรงโซนล้างหน้า ก็มีอุปกรณ์อาบน้ำเตรียมไว้ให้ครับ ทั้งสบู่ แชมพู เหมือนในโรงแรมทั่วไป ที่น่าสนใจคือมีไดร์เป่าผมให้ด้วย ถือว่าใส่ใจดีครับ คนมาพักจะได้ไม่ต้องพกมาให้ลำบาก
มุมพักผ่อนสบายๆ หากอยากนอนเล่นอยู่ในห้องครับ อ่านหนังสือ, เล่น Tablet สบายๆ อ้อ… ที่นี่ไม่มี Wifi นะครับ แต่สัญญาณโทรศัพท์ชัดเจนดี ผมใช้ AIS สัญญาณเต็มและมี 3G บริการ คาดว่าน่าจะมีทุกค่ายแหละมั้ง เรียกว่ามาที่นี่ไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกแน่นอน
อ่านหนังสือเบื่อๆ ก็ละสายตามองออกไปข้างนอกก็ได้ครับ วิวสวย สีเขียวสบายตา
อากาศดีมากๆ เลยครับ นี่ขนาดหน้าฝนนะเนี่ย ถ้าฝนตกคงชิลมากเลย
นั่งเล่นในห้องจนเบื่อก็ออกมาเดินเล่นดู บรรยากาศรอบๆ กันดีกว่า เดินข้ามสะพานกลับมา น้ำใสๆ ไม่ลึกด้วยครับ ใครพาเด็กน้อยมา ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำเลย ลึกแค่ข้อขาเท่านั้นเอง
เดินข้ามมาดูโซนที่พักแบบส่วนตัวกันบ้าง ตรงนี้เรียกว่าบ้านธารใส อยู่ติดน้ำเช่นกัน แยกออกมาเป็นสัดเป็นส่วนมากๆ แต่ก็เดินไกลเหมือนกันนะถ้าจะเดินไปตรงร้านอาหาร
น่าจะเหมาะสำหรับคนที่มาพักเป็นกลุ่ม และต้องการความเป็นส่วนตัวครับ รับรองว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งย่ามแน่ๆ เตรียมอาหารมาทำกันเองเป็นกลุ่มใหญ่ๆ น่าจะลงตัว เพราะจะไม่มีใครมาวุ่นวาย หรือโดนบ่นเรื่องเสียงแน่ๆ หรือจะจัดทริปถ่ายบิกินี่ริมลำธารดี หุๆๆ
เดินย้อนกลับไปโซนที่พักดีกว่า เดี๋ยวอีกสักหกโมงเย็นค่อยออกมาหาอะไรทานกัน ขอตัวไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนครับ บรรยากาศมันน่าเอนกายนอนพักจริงๆ ขอบอก
ในกรณีที่นอนเพลิน ทางเจ้าหน้าที่มีโทรมาเช็คด้วยครับ ว่าจะทานอาหารที่โครงการหรือเปล่า เพราะว่าครัวจะปิดตอนหนึ่งทุ่มครับ ดังนั้นถ้าจะทานที่นี่ควรมาให้ทันครัวปิดด้วยไม่งั้นคงได้กินมาม่าแทนแน่ๆ ว่าแล้วก็ไปหาอะไรทานดีกว่า บรรยากาศที่ร้านอาหารของโครงการออกแบบได้สวยเลยครับ อย่างที่บอกว่าในลำธารมีก้อนหินแม่น้ำอยู่ค่อนข้างเยอะ ทางสถาปนิกเลยออกแบบกำแพงหินแบบนี้ ก็ถือว่าสวยงามดี แต่หวังว่าจะออกแบบโครงสร้างรับน้ำหนักดีพอนะครับ เพราะถ้าพังล้มลงมานี่คงเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตแน่นอน ที่แน่ๆ ผมไม่นั่งใกล้แน่นอน ฮ่าๆๆๆ
ภายในร้านอาหารแบ่งออกเป็นหลายโซนครับ แต่โซนริมๆ ตรงนี้น่าจะขายดีที่สุด เพราะวิวสวย ลมพัด กินข้าวไป ดูวิวไป อร่อยขึ้นเยอะเลยก็แล้วกัน
อาหารโครงการหลวงก็เน้นผักครับ เพราะน่าจะสดอยู่เหมือนกัน เมนูเยอะพอใช้ได้ แต่ดูเหมือนว่าผักในรายการอาหารจะธรรมดาไปหน่อย ไม่แปลกหูแปลกตาเหมือนอ่างขาง ส่วนราคาก็ประมาณไปนั่งทานร้านอาหารแถวรีสอร์ทที่สะเมิงอะไรทำนองนั้นครับ นึกซะว่านั่งทานอยู่ที่โป่งแยงแอ่งดอยก็แล้วกัน ราคาพอๆ กันครับ
มากันสองคนสั่งมาสามอย่างครับ ผัดผักซาโยเต้, เห็ดหอมทอดซีอิ้ว และต้มจืดผักรวม ผัดผักซาโยเต้น้ำมันหอยก็รสชาติมาตรฐานครับ ผักสดดี เค็มๆ หวานๆ ถือว่าผ่าน เพราะเป็นอาหารที่ไม่ควรที่จะไม่อร่อย เพราะทำไม่ได้ยากอะไร
เห็ดหอมทอดซีอิ้ว ตอนแรกนึกว่าจะมาเหมือนที่อินทนนท์ แต่ที่นี่จะเอาเห็ดหอมชุบแป้งทอดด้วย แต่กลิ่นซีอิ้วแทบไม่มี รสชาติเลยไม่ค่อยเค็มๆ หวานๆ เหมือนที่อินทนนท์ แต่ได้ความกรอบมาแทน ก็แล้วแต่ว่าชอบแนวไหน แต่สำหรับผม ชอบสูตรที่อินทนนท์มากกว่านะ อันนี้เฉยๆ มากเลย
ส่วนต้มจืดก็ปกติครับ ควรจะอร่อยกว่านี้ ผักที่ใส่มาก็ธรรมดาสามัญมาก แครอท, กระหล่ำดอก,หัวไชเท้า อะไรเทือกนี้ น่าจะมีผักแปลกๆ ซะหน่อยนะ
สรุปว่าสามอย่าง รสชาติเฉยๆ ธรรมดา กลางๆ ถ้าหาร้านอื่นทานได้จะดีกว่านี้นะ ฮ่าๆๆ
ทานอาหารเสร็จก็เอาขาตั้งมาเก็บภาพบรรยากาศ ยามค่ำคืนซะหน่อย เสียดายคิดช้าไป ถ้าคิดไวกว่านี้ ไม่มั่วนั่งชมบรรยกาศ คงได้ภาพช่วงทไวไลท์ ฟ้าสีน้ำเงินเข้มมากกว่านี้อีกหน่อย อันนี้ถ่ายแป๊ปเดียว ฟ้าก็มืดหมดแล้ว ที่นี่จัดวางแสงสวยดีนะ เห็นได้ชัดเลยว่าการให้สถาปนิกเก่งๆ ออกแบบทั้งโครงการ มันทำให้ที่พักน่าสนใจมากขึ้น ไม่ใช่คิดกันเอง ออกแบบกันเอง ลงทุนสักหน่อย จ้างสถาปนิกเก่งๆ คุ้มค่ากว่าเยอะ
ถ่ายเพลินๆ ชักเริ่มเหงา ขอกลับห้องไปนั่งจิบไวน์กับป้าเจี๊ยบก่อนละกันครับ บรรยากาศกลางคืนที่นี่ช่วง Low Season ผมว่าน่าพักผ่อนมาก วันที่ผมไปพัก มีคนพักอยู่ประมาณห้าห้องเอง สบายเลย เสียงไม่ดัง บรรยากาศโอเคมากเลย ถ้าเทียบว่าขับรถมาแค่ชั่วโมงเดียว แนะนำเลยครับ
ตอนค่ำๆ ออกมานั่งจิบไวน์ก็ไม่มียุงแฮะ สงสัยตอกบัตรเลิกงานแล้ว ก่อนนอนถึงขั้นต้องเบาพัดลมเลยครับ อากาศเย็นใช้ได้เลย ไม่ต้องห่วงเลยว่าไม่มีแอร์ แล้วจะนอนไม่หลับ ช่วงฤดูฝนนี่สบายๆ ครับ
=================================
ตื่นเช้ามาแบบสบายๆ เสียงนกร้องพร้อมกับเสียงน้ำไหลทำให้รู้สึกอยากนอนเล่นอยู่บนเตียงต่อ แต่กลัวว่าเดี๋ยวไปกินข้าวเช้าไม่ทัน ออกจากห้องมาประมาณ 8 โมงนิดๆ สำหรับมื้อเช้า มีเมนูให้เลือกไม่กี่อย่าง ที่จำได้คือชุด American Breakfast ข้ามต้มหมู, ข้ามต้มเห็ดหอม อะไรประมาณนี้ ผมเลือกข้าวต้มเห็ดหอม
ชามประมาณนี้ครับ รสชาติใช้ได้นะ อากาศเย็นๆ กินข้ามต้มร้อนๆ เข้ากั๊น เข้ากัน
ฝั่งตรงข้ามร้านอาหารโครงการเป็นที่ตั้งของ โครงการหลวงตีนตกครับ แต่ยังไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ มีศูนย์แนะนำแหล่งท่องเที่ยวด้วยครับ เท่าที่ดูมีน้ำตกเยอะมาก แต่คงต้องมีคนนำทาง ไม่งั้นคงไปไม่ถูกแน่ๆ เดินดูตรงโซนเพาะกล้าไม้ แต่ก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่ครับ หวังว่าหน้าหนาวคงมีอะไรให้ดูเยอะกว่านี้นะ
ก็ประมาณนี้ครับสำหรับทริปนี้ ที่นี่น่าจะเหมาะกับคนอยากหาที่พักนอกเมืองเชียงใหม่ ที่ไม่วุ่นวาย คนไม่เยอะ ขับรถไม่ไกล แปลกใหม่ ไม่เน้นกิจกรรมอะไรมากมาย ก็ถือว่าตอบโจทย์ครับ ส่วนขากลับ ก็แวะไปเที่ยวที่ The Giant Tree ได้ครับ เป็นร้านกาแฟ และที่พักบนต้นไม้ใหญ่ แต่ต้องขับรถบนดอยเก่งๆ หน่อย เพราะเส้นทางไม่ธรรมดาเหมือนกัน
สำหรับทริปนี้ก็คงประมาณนี้ครับ เดี๋ยวคราวหน้าเราไปเที่ยวอ่างขางกันครับ